ประวัติการสร้างศาลพระเจ้าเสือ ต.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร
ใครสร้างศาลพระเจ้าเสือ…(สมเด็จพระสรรเพชญที่๘)
วันนี้ก็ไปพบข้อมูลเก่า ที่เก็บไว้...เป็นจุลสารอนุสรณ์ในงานเปิดศาล พระเจ้าเสือหรือสมเด็จพระสรรเพชญที่ ๘ (เมื่อปี พุทธศักราช ๒๕๑๘ )ที่ตั้งอยู่ ณ หน้าที่ว่าการอำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร ที่ข้าพเจ้าได้เก็บและถ่ายเอกสารไว้ เมื่อคราวที่บวชเป็นพระ ในส่วนของต้นฉบับนั้นได้ส่งกลับคืน ทางวัดไปนานแล้วและไม่ทราบว่าในปัจจุบันนี้จะมีอยู่หรือเปล่า เพราะว่าเป็นจุลสารฉบับเล็ก ๆ ซึ่งในปีที่ข้าพเจ้าได้บวชเป็นพระ เกิดน้ำท่วมหนัก แม่น้ำยมล้นฝั่งและกระทั่งต้องพายเรือออกบิณฑบาตรเอกสารต่าง ๆ ที่เป็นข้อมูลเก่า ๆ นั้นไม่ได้รับการเหลียวแลหรือสนใจเลย ถูกโยนลงทิ้งน้ำเป็นอันมาก มีหนังสือบางเล่ม บางส่วน ที่ข้าพเจ้าได้เก็บมาซ่อมแซม และข้าพเจ้าก็ได้ศึกษา ความรู้เกี่ยวกับธรรมะ ที่เป็นหนังสือเก่า จาก ท่าน พอ.ปิ่น มุทุกัณฑ์ ที่เป็นอธิบดีกรมการศาสนาในสมัยนั้นก็มีมากก็ไม่ได้หมายความว่า ในปัจจุบัน ข้าพเจ้าจะมีอายุมากมายเท่าใดหรอกนะ เพียงแต่ได้อ่านหนังสือเก่า ๆรุ่นนั้น ที่เหลืออยู่ให้อ่านให้ศึกษา เท่านั้นเอง กระนั้นก็ตามแม้ว่า จะเป็นจุลสารขนาดเล็ก แต่ก็นับว่ามีข้อมูลที่น่าสนใจ เกี่ยวกับความเป็นมาและการปั้นรูปปั้นพระเจ้าเสือที่ประดิษฐานอยู่ และการสร้างศาล ตั้งแต่ เมื่อครั้งปี พศ.๒๕๑๗ ก็จึงนำมาเผยแพร่ให้ได้ทราบกันหรือหากว่าท่านได้ไป จังหวัดพิจิตรละก็ อย่าลืมแวะไปอำเภอโพธิ์ประทับช้าง วัดโพธิ์ประทับช้าง เพื่อ นมัสการรูปปั้นพระเจ้าเสือ ซึ่งท่านประสูติที่นี่ ...และที่ท่านมีมหาดเล็กที่เรารู้จักกันดี คือ “พันท้ายนรสิงห์ “ นั่นเองหากท่านต้องการเก็บข้อมูลไว้เป็นข้อมูลอ้างอิงก็ขอให้ สำเนาเก็บไว้ได้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อไป...….สำหรับข้อมูลที่ได้นำเสนอลงไปนี้ ไม่มีการตัดตอน หรือต่อเติมใดๆ ทั้งสิ้น.....ดังนี้
ใครสร้างศาลพระเจ้าเสือ ตั้งแต่ บ้านโพธิ์ประทับช้าง ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดพระเจ้าแผ่นดินอันทรงพระนามว่า “พระสรรเพชญที่ ๘” (พระเจ้าเสือ) ได้ทิ้งเป็นเมืองร้างมาประมาณ 200 ปีเศษ ต่อมาราวปี พศ.2485 (ปีน้ำมาก) ได้มีประชาชนบุกไปบุกร้างถางพง ทำพืชไร่ ในบริเวณโบราณสถานมากขึ้น ในปี พศ.2510 ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้รับอนุมัติให้สร้างที่ว่าการกิ่งอำเภอโพธิ์ประทับช้าง และทำพิธีเปิดเป็นสถานที่ราชการ เมื่อ พศ.2510 ในปีเดียวกัน นาย สัญญา ทิพานันท์ ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอโพธิ์ประทับช้าง ได้พิจารณาเห็นว่า ที่ว่าการกิ่งอำเภอโพธิ์ประทับช้าง อยู่ ห่างจากโบราณสถานและสถานที่ประสูติของพระเจ้าเสือ ประมาณ 4 กิโลเมตร ยากแก่การที่จะเบิกตัวผู้ประสงค์จะเข้าเฝ้าสักการะดวงพระวิญญ าณพระเจ้าเสือ จึงได้ร่วมกันจัดแห่เป็นกระบวนเอิกเกริก ออกไปอัญเชิญดวงพระวิญญาณของพระเจ้าเสือ มาสถิตหน้าพระลานหน้าที่ว่าการกิ่งอำเภอโพธิ์ประทับช้าง ตามคำบอกเล่าของผู้ไปกับขบวนแห่ขบวนนั้น “ได้พบพญางูเหลือมตัวหนึ่งนอนอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่” นาย สัญญา ทิพานันท์ จึงตั้งสัตยาธิษฐานว่า “ ถ้าหากดวงพระวิญญาณของพระองค์ ทรงสำแดงให้ข้าพระพุทธเจ้าทั้งมวลประจักษ์แก่สายตาแล้ว ขอให้สถิตบนผ้าทิพย์ และขออัญเชิญไปยังศาลซึ่งข้าพระพุทธเจ้าเตรียมรอรับเสด็จไว้ พญางูเหลือมดังกล่าวก็สถิตบนผ้าทิพย์” คณะขบวนแห่ก็อัญเชิญมาจนกระทั่งถึงศาลพระเจ้าเสือหลังเดิม และทำความชื่นชมโสมนัสให้แก่อาณาประชาราษฎร์อำเภอโพธิ์ประทับ ช้างเป็นสุด ซึ้ง ชั่ววันหนึ่งและคืนหนึ่งเรือนร่างพญางูเหลือมก็หายไป คงประจักษ์อยู่แต่ศาลเพียงตาสืบต่อกันมาเป็นเวลา 7 ปีเศษ ได้มีประชาราษฎร์ของพระองค์มาบนบานศาลกล่าวและบวงสรวงอยู่เป็ นเนืองนิตย์มิ ได้ขาด เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2516 กิ่งอำเภอโพธิ์ประทับช้างได้ยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอหนึ่งในจังหว ัดพิจิตร ทางราชการได้แต่งตั้ง นายมณฑล ปรีชาธีรศาสตร์ มาดำรงตำแหน่งนายอำเภอ ได้มีการประชุมปรึกษาหารือ จัดงานเฉลิมฉลองพระชนม์พรรษาในหลวง รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรีขึ้น เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2516 ในปีนั้นเอง องค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้งดการเฉลิมฉลองเนื่องจากน้ำ มันแพง คณะกรรมการจึงได้นำรายได้ที่เหลือจ่ายทั้งหมด มาสมทบทุนสร้างศาลกับทุนเดิม ซึ่ง นายสุนทร พุ่มบัว สมุห์บัญชีอำเภอรวบรวมและเก็บรักษาไว้ มอบให้ ร.ต.อ. ศิลปชัย ฉายแสง รับเป็นแม่งานดำเนินการแทนต่อไป จาก แถลงการณ์ทางวาจาของ ร.ต.อ. ศิลปะชัย ฉายแสง ต่อหน้าที่ประชุมใหญ่ว่า ตนเองขอรับที่จะสนองเบื้องยุคลบาทในดวงพระวิญญาณตามความสามาร ถ และจะพยายามจัดหาช่างสร้างศาลให้เสร็จก่อนจะย้ายไปจากอำเภอโพ ธิ์ประทับช้าง
ทุนเริ่มแรกระยะที่ 1
ทุนเดิมซึ่งได้จากสรงน้ำหลวงพ่อโต 3,634.00 บาทรายได้จากงานเฉลิม ฯ รัชกาลที่ 9 385.- บาทนายจุล นางศิระ หนูทวน บริจาค 100.- บาท ทุนเพียง 4,119.00 บาท นับได้ว่าทำความหนักใจให้กับ ร.ต.อ. ศิลปชัย ฉายแสง เป็นอย่างมาก แต่ด้วยความอุตสาหะ วิริยะ ประกอบกับความตั้งใจจริง จึงได้ให้ฝ่าย พราหมณาจารย์ ทำการตรวจฤกษ์ ดูดวงชะตา และกำหนดวันเวลา วางศิลาฤกษ์ขึ้น ในวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2517 เวลา 08.00 น.
ทุนดำเนินการในระยะที่ 2 หลังจากได้วางศิลาฤกษ์แล้ว เป็นอันว่าพวกเราทั้งมวลต้อง ศาลถวายแด่พระเจ้าเสือแน่ จึงมีผู้บริจาคเพิ่มเติมดังนี้
1.นายอเนก จันทร์ประเสริฐ บ้านทุ่งโพธิ์ กับร้านศรีสว่าง ตะพานหิน 1,000.00 บาท
2.จ.ส.ต.ประเทือง จุ้ยสกุลกับพวก 9,800.00 บาท
3.นายสัมพันธ์ วีระนันท์วัฒนะ ไผ่ท่าโพกลาง 5,000.00 บาท
4.นายธงชัย นุกูลกิจเสรี ไผ่ท่าโพกลาง 4,000.00 บาท5.โรงสีสหไทย ไผ่ท่าโพกลาง 2,000.00 บาท
6.ร้านจิ๊บฮะ ตลาดไผ่ท่าโพเหนือ 1000.00 บาท
7.นายเชี้ยงบุ้ง แซ่จึง ไผ่ท่าโพกลาง 1,000.00 บาท
8.นายวิรัตน์ ภัทรประสิทธิ์ พิจิตร 1,000.00 บาท
9.โรงสีข้าวฮะเฮง ไผ่ท่าโพกลาง 1,000.00 บาท
10.นายพยนต์ หมื่นสุวรรณ บ้านท่าบัวทอง 1,000.00 บาท
11.โรงสีท่าบัวทอง ต.โพธิ์ประทับช้าง 1,000.00 บาท
12.นายสุธีร์ ศรีเบญจโชติ ตะพานหิน 1,000.00 บาท
13.นายเซี่ยมเฮง นางกิมฮวย แซ่ตั้ง 800.00 บาท
ทุนดำเนินการระยะที่ 3
ศาลพระเจ้าเสือได้สร้างเสร็จไปแล้ว ผู้สัญจรไปมาได้แวะมาบูชาศาลอยู่เป็นเนืองนิตย์ แต่ทำความสงสัยให้แก่ผู้มาแวะชมศาลเป็นอย่างมากกว่า พระเจ้าเสือทรงมีพระสิริโฉมเป็นอย่างไร ทำให้ผู้เฒ่าผู้แก่ในเขตบ้านโพธิ์ประทับช้างก็เล่าว่ามี “รูปร่างเหมือนพระนารายณ์มหาราช” ร.ต.อ.ศิลปชัย ฉายแสง แม่ งานต้องออกไปติดต่อ จิตรกรเอกหลายท่าน ให้มาออกแบบพระรูป จนเป็นที่ยอมรับกันว่า พระสิริโฉมดังพระรูปที่ประดิษฐ์อยู่ ณ ศาลพระเจ้าเสือแน่นอน พอได้ ศุภฤกษ์ จึงอัญเชิญพระคณาจารย์ใหญ่แห่งยุคเกจิอาจารย์ มากระทำการเชิญดวงวิญญาณเข้าสิงสถิตในดวง พระหทัย พร้อมด้วยเครื่องบัดพลีถูกต้อง ตามพระคัมภีร์ไสยศาสตร์ เมื่อวันที่ 4 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2517 จากนั้นพระรูปก็ปรากฏขึ้นโดยความร่วมมือของ
1.นายพยนต์ หมื่นสุวรรณ บริจาค 1,334 บาท
2.จ.ส.ต. ประเทือง จุ้ยสกุล ” 1,333 บาท
3.นายสุธีร์ เมธาวัชรินทร์ ” 1,333 บาท
เมื่อพระรูปสำเร็จเต็มพระองค์แล้ว จึงได้นำดวงพระหทัยบรรจุในพระอุระเสร็จเรียบร้อย เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2517 ณ วันนี้ถือว่าองค์พระรูปพระสรรเพชญที่ 8(พระเจ้าเสือ) ซึ่งปรากฏอยู่นี้ มีพระสิริโฉมดังพระองค์จริงทุกประการ
ใน กาลต่อมาด้วยเดชะอำนาจพระบารมี ยังผลให้อาณาประชาราษฎร์ที่เคยรำลึกถึงพระองค์ท่าน มีเจตนาแรงกล้าที่จะถวายเครื่องราชบรรณาการ ประกอบด้วย พญาเสือเหลือง อันเป็นพระราชชันษาประจำพระองค์ และช้างทรงคู่บารมีเป็นอาทิ
รายชื่อผู้อุทิศถวาย
1.นายครอบ มิ่งมณีและภรรยาถวายช้างทรงราคา 5,000.00 บาท
2.นายน้อย มิ่งมณี และภรรยาถวายพญาเสือเหลือง ราคา 2,000.00 บาท
บุคคลที่ไม่ควรลืม...?
สุเชษฐ์ พลวัน ออกแบบศาลมิใช่ย่อย เพราะเคยทำมาบ่อยจึงค่อยสมประสงค์ อู๋ จันทร์สุขวงศ์ เป็นกำนันคนตรงบ้านไผ่ท่าโพ ได้เกรดบริเวณศาล เพื่อจัดงานให้โก้เก๋ เทิ้ม เมืองทอง ช่วยไตร่ตรองมองของโชว์ จัดภาพยนตร์ดนตรีของเขาดีมิใช่โม้ แสวง ผะอบเหล็ก ใครว่าเล็กแต่ท่าน ป.โท วางแผนผังงานทุกๆด้านได้สวยโก้ เสริมศักดิ์ อิทธะรงค์ เราท่านอย่า งง คือคนไผ่ท่าโพ ผู้ปั้นรูปพระเจ้าเสือ หรือดอกเดื่อของเราชาวโพธิ์ประทับช้างเราใหญ่โต ในศาลอ่าโอ่โชว์ฝีมือ สร้อย เขียวขำ ใครว่าช้ำ ๆ แต่เนื้อ อาหารทำไม่เบื่อ ชอบช่วยเหลือเมื่อมีงาน ดาว เทียมศร ก็ไม่ยิ่งหย่อนกว่า สร้อย เขียวขำ ข้าวสวย ข้าวต้ม หรือส้มตำ เป็นผู้นำในท่าบัวทอง จุล หนูทวน ไม่เรรวนทำได้ ๆไม่ว่างานอะไรเล็กหรือใหญ่ได้ทันที ทุกอย่างวางได้หรู เพราะเป็นครูมาหลายปี ผู้ใหญ่บ้านหรือกำนัน ชอบกล่าวขาน ท่านผู้นี้ อำเภอเรามีคนดี จึงเป็นศรีแด่พระองค์ ปัญญา จูประเสริฐ ผลงานเลิศ ช่วยทางตรง เกรดบริเวณอีกสองชั่วโมง เพื่อชักโยงชนประชา ขอท่านจงมีสุขอยาได้ทุกข์เวทนา ปราศจากซึ่งโรคา จะปรารถนาสิ่งอันใด ขอจงดำรงศักดิ์ เทวาพิทักษ์รอบเรือนกาย จงสุขและสบาย พ้นอันตรายภัยทั้งปวง ประเพณี 3 เดือน
จากการบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ บ้านโพธิ์ประทับช้าง ข้าราชการทหารและตำรวจ จนเป็นที่ยอมรับกันว่า ประเพณี 3เดือน จะขาดกันเสียมิได้
1. ในเดือน 5ทุกปี ทางตำรวจ สภ.อ. โพธิ์ประทับช้าง จะ เป็นแม่งานจัดน้ำสรง และห่มผ้าพระจากศาลพระเจ้าเสือ เข้ากระบวนแห่ไปสรงน้ำและห่มผ้าพระหลวงพ่อโต ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่พระเจ้าเสือทรงโปรดเกล้าให้สร้างขึ้น ในกระบวนแห่ที่เคยปรากฏ จะมีพ่อค้าประชาชนเกือบทุกตำบลไปร่วมด้วย โดยไม่ต้องนัดหมาย
2. ใน เดือน 12 หลังจากลาพรรษาแล้ว ทางคณะกรรมการวัดท่าบัวทอง ร่วมกับตำรวจและทางอำเภอ จะได้จัดให้มีการแข่งเรือและประกวดการเห่เรือถวาย ณ ลำน้ำยมระหว่างวัดท่าบัวทองกับศาลพระเจ้าเสือ เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระราชประวัติของพระองค์ ซึ่งทรงโปรดเรือเอกชัยไปทรงเบ็ดตั้งแต่ครั้งอดีต อันมีพันท้ายนรสิงห์เป็นนายท้ายเรือคู่พระทัย
อภินิหารพระเจ้าเสือ สั้นๆ....
1.ดวงพะวิญญาณปาฏิหารย์ให้เห็นเป็นพญางูเหลือม และอัญเชิญ มาประดิษฐาน ณ ศาลหลังเดิม
นายสัญญา พิทานันท์ ประสบเหตุ...ฯลฯ
2.ฉายรัศมีเป็นลำแสงออกจากภาพวาดเก่าแก่ประจำบ้านพักนายอำเภอ ทอดแสงออกทางประตูด้านใต้
นาย จุล หนูทวน มาพักค้างคืน ประสบเหตุ...ฯลฯ
3.เมื่อ ฝนตกหนักคราวอบรมลูกเสือชาวบ้านรุ่น 969 ประธานจัดงานอธิษฐานขอให้ฝนหยุด ( ภายใน 15 นาทีแดดออกจ้า )ลงสนามจับมือร้องไห้อำลากันอย่างสบาย
นายเลิศ สันติพิทักษ์ ประสบเหตุ...ฯลฯ
4.นายจุล หนูทวน คล้องเหรียญ พระเจ้าเสือ ขับรถหักหลบคนแก่ รถตกหลุมยับเยิน คนกระเด็นออกจากรถประมาณวาครึ่ง ลุกเดินไปกินข้าวต้มได้อย่างสบาย ไม่มีบาดแผล
นายดิเรก อยู่สุข นายอเนก สังขกุล ประสบเหตุ...ฯลฯ
5.โจรปล้นที่บ้านห้วยตะพาน คณะตำรวจผู้ติดตามคนร้าย พกไปแค่ใบจองเหรียญที่พุทธาภิเษกแล้วเท่านั้น ถูกคนร้ายขว้างด้วยระเบิดมือ ระเบิดไม่แตกตำรวจปลอดภัย
ร.ต.อ.เฉลิม สังข์ทอง ประสบเหตุ
6.เด็กชายวัย 13 ขวบ บังอาจไปหยิบพวงมาลัยแก้บน ที่แขวนอยู่ที่ปลายดาบไปเล่น เกิดอาการจุกเสียด ชักตาตั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อคนแก่ให้เอาพวงมาลัยไปคืนที่เก่า ก็หายเป็นปกติไม่ต้องกินยา นายเสริมศักดิ์ อิทธะรงค์ ประสบเหตุ...ฯลฯ
7.ระหว่างดำเนินการปั้นพระรูป บันดาลให้นายช่างผู้เป็นจิตรกรถูกหวยหลายครั้ง
นายเสริมศักดิ์ อิทธะรงค์ ประสบเหตุ...ฯลฯ
8.วันมหาพุทธาภิเษกเหรียญที่ระลึก เกจิอาจารย์ชุดใหญ่แห่งเมืองพิจิตรมานั่งปรกบริกรรม ครบทุกรูป ทั้งๆที่ฝนตกติดต่อกัน 3วัน 3 คืน นับ ว่าเป็น ศิริมงคลจริง ๆ คุณไสว ประธานจุดเทียนในพิธี ท่านก็นามสกุล “ศิริมงคล” จึงบันดาลให้เหรียญพุทธาภิเษกเป็นมหามงคล ทุกคนควรมีไว้ประจำตัว
…………………………………………..
ข้อมูล หรือรายละเอียดดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลของปี ๒๕๑๘ จากจุลสาร งานเลี้ยงเปิดศาลพระเจ้าเสือหลังเดิมซึ่งในปัจจุบันนี้
หากท่านไปจะพบศาล พระเจ้าเสือหลังใหม่ แทนที่หลังเดิม ก็ได้ริเริ่มและอำนวยการโดย นายปราโมทย์ แก้ววิเชียร นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลโพธิ์ประทับช้าง อยู่ริมแม่น้ำยม หน้าสถานที่ว่าการอำเภอโพธิ์ประทับช้างมาแทนที่หลังเก่า แต่ รูปปั้นองค์ท่านนั้น ยังเป็นพระองค์เดิม และยังมีศาลกับรูปปั้นสัมฤทธิ์ ที่หน้าวัดโพธิ์ประทับช้าง ห่างออกไปอีกราว 4 กิโลเมตร
ริมแม่น้ำพิจิตรเก่า ก็มีอีกแห่งหนึ่ง ตั้งประดิษฐานอยู่ เช่นกัน ในส่วนนี้ ซึ่งประวัติพระเจ้าเสือ สมเด็จพระสรรเพชญที่ ๘......แต่จะเอ่ยในคราวถัดไป..
ในช่วงระหว่างวันที่ 23 – 31 ธันวาคม 2552 อำเภอโพธิ์ประทับช้าง ได้จัดงานวันเทิดพระเกียรติ “พระเจ้าเสือ” ขึ้น โดยภายในงานจะจัดให้มีการแสดงตำนานพระเจ้าเสือและมีกีฬา ชกมวย และกีฬาชนไก่ รวม ถึงการแสดงสินค้าพื้นบ้านและจำลองวิถีชีวิตชาวจังหวัดพิจิ ตรในอดีตกาลขึ้น อีกด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็น การส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ และเป็นการทำพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณขององค์พระกษัตริย์ผู้ที ่สร้างคุณประโยชน์ให้กับชาวไทย อีกด้วย โดยงานนี้จะจัดอย่างยิ่งใหญ่เพื่อให้คนไทยรำลึกถึงบุญคุณของสถา บันพระมหากษัตริย์ ....ที่ถือได้ว่าเป็นหลักนำชัยให้พสกนิกรชาวไทยอยู่เย็นเป็นสุข สืบตลอดมา....